Translate

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องของคนขี้แพ้

เรื่องของคน.....ขี้แพ้
           อาการป่วยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหาย เพราะเราไม่ไปหาหมออย่างจริงจัง เป็นเพราะเรามีประการณ์แย่ๆการไปโรงพยาบาลได้กลิ่นต่างในโรงพยาบาลแล้วเป็นลมซะงั้น และหมอบ้างคนพอจะอ้าปากบอกอาการ ที่เกิดกับเรา หมอก็สรุปให้เราทันที อยากพูดอยากบอกมากกว่านี้ก็แต่หมอก็มีเวลาให้น้อยเหลือเกิน เป็นหมอเทวดากันหมดรู้ทุกอย่าง เฮ้ย เพราะเป็นแบบนี้งัย จึงเป็นสาเหตุให้ซื้อยามากินเอง รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เป็นผลดีกับเราเลย มีสิทธิในการรักษาในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แต่แทบจะไม่ได้ใช้เลย หลังจากที่ได้หาข้อมูล ในอินเตอร์เน็ต พอควร เราก็จะพูดแบบเปิดช่องให้หมอรู้ว่าเราพอมีข้อมูลนะเหมือนช่วยหมออีกแรงหนึ่ง . จะเล่าอาการของเรามันมันเริ่มจากนี่......
ก่อนที่จะเป็นโรคนี้ ข้าพเจ้าจะเป็นเวลานอนเริ่มสำลักน้ำลาย คือเหมือนเราจมน้ำแล้วน้ำขึ้นสมอง ตอนกลางดึก สะดุ้งตื่นบ่อยเพราะอาการนี้ และเริ่มสังเกตว่าตัวเองเริ่มหายหอบเหนื่อยง่ายขึ้นมากจากการขึ้นสะพานลอย ไปทำงานทุกวัน. และต่อมาเป็นหวัดครั้งใหญ่ ซื้อยากินเอง เหมือนเคย (ปกติจะเป็นหวัดเสียงหายไปวันสองวันในแต่ละปีถือว่าปรกติเพราะจะเป็นประมาณอาทิตย์หนึ่ง) ถ้าฝืนนอนจะทำให้หายใจไม่ออกทำให้สำลักทำให้ไอหนักขึ้นเหมือนคนขาดอากาศ ต้องลุกนั่งเอา คือต้องนั่งหลับ หลับได้หน่อยก็เหน็บกินต้องเปลี่ยนท่า ช่วงนั้นถือว่าทรมานสุดๆ พอหายจากอาการ ไข้หวัดแล้ว เสียงก็หายไปอีกเหมือนเช่นเคย มีคนแนะนำให้กินยาเรียกเสียงเขาว่างั้น ก็กินกันไป ไม่หาย พอมีเสียงพูดบ้างตามปรกติแต่ เหมือนมันมีลิมิทของมัน เช่น วันนี้ พูดได้เท่านี้นะ แล้วก็หายไป ถ้าฝืน เสียงจะยิ่งแหบมาก เป็นอยู่ หนึ่งอาทิตย์เริ่มนานไปแล้ว รออีกหน่อยน่าเดี๋ยวก็มา สองอาทิตย์ เสียงไม่เป็นปรกติซะที เริ่มหาข้อมูลให้กับตัวเอง อ้อ หลังจากหายเป็นหวัดแล้ว อาการที่ยังเป็นอยู่จนทุกวันนี้คือ เสียงหายตลอด ตะโกนไม่ได้พูดเหมือนเบามาก จนรำคาญตัวเองเลย เครียดๆ ร้องเพลงไม่ได้เลย (จากที่เคยชอบร้องเพลงเวลาทำงานหรือทำอะไรในชีวิตประจำวันและร้องได้ไพเราะนะเพื่อนว่างั้นชอบให้เราร้องเพลงให้ฟัง) และมีอาการดังนี้ หัวใจเต้นแรงเหมือจะทะลุออกมาข้างนอกเลยและเร็ว 120 ครั้งต่อนาทีประมาณนั้น (ไปหาหมอคลินิกบอกว่างั้นเลยให้ตรวจเลือดหาไทลอยด์ผ่านไม่เป็นโรคนี้) ให้ยาเม็ดสีชมพูมากินจบ.. ไปหาหมอปฐมภูมิก็อนามัย(ในกรุงเทพ) ตรวจอาการให้หลายอย่าง ให้ยาเม็ดสีชมพูเล็กมากินแก้หัวใจเต้นเร็วแรง ก็ดีขึ้นนะพอกินหัวใจเต้นช้าลงทำให้ไม่เหนื่อยง่าย แต่กินมากไม่ได้หมอบอก พอยาหมดเลยทำใบส่งตัวไปให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่ พอไปก็ ทำการเอ็กซ์เรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ ปรกติ (ก็ดีใจนะเพราะลุ้นกลัวเป็นโรคหัวใจ) รุ้สึกว่าตรวจแบบนี้ สองโรงพยาบาลแล้วก็ปรกติ หมอก็ให้ยาแก้แพ้มากิน แก้อับเสบ ก็บอกให้กินน้ำเยอะๆอย่ากินสัตว์ปีก (แต่อาการฉันนะไม่ธรรมดานะ) ตายละเรามีแฟนเป็นอิสลามกินหมูไม่ได้แถมยังมากินสัตว์ปีกไม่ได้อีกของทะเลก็ค่อยข้างแพ้ ถ้าเป็นภูมิแพ้ก็ห้ามกินเนื้ออีก แล้วจะกินอะไรกันหว่า...

          สรุปไม่ได้คำตอบจากหมอว่าเป็นไร. เบื่อแหละ ไม่อยากไปหาแล้วรอให้มีตังค์เยอะๆเมื่อไหร่ค่อยไปตรวจแบบเจาะลึกเลยที่เดียวละกัน หอบสังขารกลับบ้าน แบบไม่รู้ว่าเป็นไรอีกตามเคย. แต่ที่รู้ๆตอนนี้ เรา แพ้ทุกสิ่งอย่าง เลย เวลาอาการกำเริบ   type everything   เช่น ควันไฟ , ควันบุหรี่, น้ำหอมที่กลิ่นแรงเวอร์ๆ, ขยะสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย อากาศ เย็นเกินไป ร้อน เกินไป กินอิ่มมากก็ไม่ได้ , เครียด ไม่ได้เลย, ตกใจ ตื่นเต้น ,แอลกอฮอล์ไม่ได้เลย , ของหมักดอง, ปลาร้า, น้ำอัดลม, นมวัว   แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป(อิอิ ส้มตำปูปลาร้านานๆๆๆกินที ) ควันบุหรี่แพ้สุดๆ ได้กลิ่นก็ ทันที แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เม็ดตุ่มขึ้นในลำคอทันที ระคายเคืองมาก เสียงแหบแห้งไปในบัดดล คอแข็งเหมือนมีก้อนอะไรมาติดที่คอ ถ้าฝืนพูดเหมือนจะปวดๆด้วย แต่ก็ด้วยความที่อาการ แบบนี้จึงไปหาหมออีกโรงพยาบาลหนึ่ง

       (อยากได้เสียงที่ใช้ได้ปกติ) ก็ไปอีกครั้ง ตรวจเหมือนเดิม แต่คราวนี้เราไปด้วยอาการมีเลือดออกจากเสมหะเพิ่มด้วยสังเกตมาหลายวันแหละ (แต่ตอนนั้นต้องบอกเลยว่าหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ไม่ได้เลยเพราะอยู่ในสภาพสังคมแบบนั้นและที่สำคัญ สามีตัวเองก็ดูด ( สัญญาว่าจะเลิกตั้งแต่แรกคบจนแต่งงานมาสิบเจ็ดปีแล้วยังหาเลิกบุหรี่ไม่ )   หรือเลิกกับภรรยาง่ายกว่ามั่ง ( แอบน้อยใจ ) เอ้าตรวจกันไป....คลื่นหัวใจ เอ็กซเรย์ปอด ตรวจหาวันโรคปอดเก็บตัวอย่างเสมหะ สามวันเอามาส่งหมอครบสามวัน สรุปปรกตินะ (เย้ดีใจไม่เป็นวันโรค) หมอถาม ไอแรงมั้ย ตอบปล่าวไม่ได้ไอเลย (เลือดมันออกมาเองก็ตกใจนะซิ) หมอบอกว่า แต่ที่เลือดออกปนเสมหะเพราะอากาศอาจจะเย็นไปทำให้เส้นเลือดฝอยในคอแตกหรือด้วยอะไรซักอย่างแหละที่ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกได้เป็นธรรมดานะ กินยาแก้อับเสบ จบข่าว. .....

        ในเวลาต่อมา......... หลังจากที่ไปหาแล้วหาอีก เปลี่ยนไปแบบเสียตังค์มั่งดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ไปคลินิกอีกแห่งหนึ่ง คราวนี้มีจุดมุ่งหมายหาหมอเฉพาะทางนี่เลย หู ตา คอ จมูก หมอถามเป็นไร เราเล่าๆๆ หมอแล้วฟังหัวเราะ แล้วพูดว่า “ เอ้าเอ้าไปกันใหญ่แล้ว” เอายาไปกิน จะฉีดหรือกิน (คิดไม่ต้องขนาดฉีดก็ได้มั่ง) กินแล้วจะใจสั่นมือสั่นหน่อยนะ....ถ้างัยยาหมดมาพบหมออีกที. (((อ้อลืมบอกไปว่าทุกครั้งที่ไปหาหมอต้องมีอาการป่วยด้วย เช่นเป็นหวัด )))) เออจิงด้วยกินแล้วสั่นๆเหมือนคนติดยาเลย จบไปอีกหนึ่งหมอ.พอยาหมดก็ไปอีกครั้งได้ยามากินเช่นเคย .....  

         ในเวลาต่อมา.... ยาหมดไปหาหมออีกดีก่า อาการไม่ค่อยดีขึ้นเลย..แต่ไม่ไปแล้วคลินิกเก่า ไปที่ใหม่ (คลีนิคทำเรารู้สึกแย่ๆ) แต่ก็เป็นคลีนิก หู คอ ตา จมูก คราวนี้คาดว่าพอจะสรุปได้ว่า หมอถาม เป็นไรมา..... ตอบ ...สงสัยเป็นภูมิแพ้ (คิดว่าอย่างนั่นนะ ) เล่าอาการให้ฟัง จากที่ได้ไปหลายๆหมอมาแล้ว หมอ น่าจะเป็นภูมิแพ้ แต่ที่เสียงไม่มีเดียวหมอจะตรวจ คอให้นะ ตรวจ....ไป......เอากระดาษทิชชู่หรือไงเนี่ยไว้ที่โคนลิ้น เอ้าออกเสียงซิ อี้...อี้...อี้ สรุป เส้นเสียงพิการนะใช้การไม่ได้หนึ่งข้าง เป็นถาวร แต่ยังดีที่ยังมีอีกข้างหนึ่ง ก็ใช้เสียงเท่าที่จำเป็นนะ อย่าทำอะไรที่จะทำให้มันพิการไปอีกข้างละ ( ตกใจมากกกไอ้ยะแรงง ) แล้วมีวิธีรักษามั้ยคะ มีคะ ผ่าตัด ต้องไปโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือน่ะจบ เสร็จให้ยามากินแก้ภูมิแพ้ แต่ก็รู้สึกว่ายาหมอนี้ดีเหมือนกัน ไม่ไปแล้ว. .....
             
           และในเวลาต่อมา.... ฟังจากที่หมอบอกยังหลอนอยู่เลยเรา ไม่ได้ต้องหาข้อมูลเน็ตๆๆ ผ่าตัดน่ากลัวมากมาย ถ้าผิดพลาดไปเสียงไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีทำงัย (ไม่ได้กลัวตายนะแต่กลัวเจ็บหรือพิการ555) ต้องพึงพี่ google แล้วเรา ข้อมูลที่ได้ นักร้องเสียงแหบ เป็นเหมือน นั กร้องหรือเปล่าน้า อาทิ ดาเอ็นโดฟิน ตุ้ยเอเอฟ มีถุงน้ำที่เส้นเสียง หรือเป็นแบบ เป้ อารักษ์ ถ้าเป็นแบบ นั่นก็สามารถเป็นปกติได้ซิ แต่ต้องมีเงินเยอะๆ ไม่ได้เป็นหลอกเรา หรือเป็น ถุงลมโป่งพอง , มะเร็งกล่องเสียง ,ไม่น่าเป็นอาการใกล้เคียง เทียบอาการแล้วไม่ใช่ แต่ก็เหมือนหลายๆโรค ที่สงสัยที่สุดคือ ภูมิแพ้กล่องเสียง , กล่องเสียงอับเสบเรื้อรัง, แพ้ภูมิตัวเอง , หลอมลมอับเสบ, หลอดลมอับเสบฉับพลัน ,กรดไหลย้อนรองลงมา , หัวใจเต้นผิดจังหวะ โอ้ยอะไร กันเนี่ย หยุดคิดหยุดหาข้อมูลก่อนดีกว่า. และในที่สุดก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่หนึ่งอีกครั้งแต่ไป เฉพราะทาง หู คอ จมูก ตา บอกกับหมอไปว่าเคยตรวจหัวใจ เอ็กซ์เรย์ สองครั้งมาแล้วปกติทุกอย่าง ....จึง มาเฉพาะทาง หมอตรวจคอให้ และเราก็เล่าให้หมอที่นี่ฟังว่า ตัวเอง ได้ไปตรวจคลินิกหมอที่นั่นบอกเส้นเสียงพิการ ( หมอบอกทำไมพูดซะฟังแล้วน่ากลัวนะแต่จริงๆ ) ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตอนนี้เส้นเสียงมันไม่ทำงานข้างหนึ่งแต่ก็ยังใช้เสียงได้ในชีวิตประจำวันเบาๆหลีกเลียงการตะโกนคือถนอมเสียงไว้แล้ว อาจกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมหากเราทำการฝึกกายภาพบำบัดเช่นกำหนดลมหายใจ เข้าออก เปล่งเสียงออกมาอย่างถูกวิธี หมอสาทิศให้หลายอย่างแต่จำไม่ได้เลย ให้ทำเสียงนั่นเสียงนี้ แล้วจะดีขึ้น หมอแผนกนี้ใจดี หมอถามว่าเราทำงานเกี่ยวกับอะไร ใช้เสียงเยอะหรือเปล่าเรารู้ว่าเยอะขนาดไหน แต่ ทำงาน ถ่ายภาพ ทำคอม ปริ้นท์ภาพ ต้องพูดกับลูกค้าตลอดเวลา ที่ถ่าย บอกเอ็คชั่น พูดคุยเพื่อให้เกิดความเป็นกันเองให้กับลูกค้า แต่ก็แอบกลัวๆว่าจะเป็นเพราะ อยู่กับปริ้นท์เตอร์มากหรือเปล่าเพราะหมึกเป็นสารเคมีที่เราสูดดมทุกวันสะสมในร่างกายก็เป็นได้. จบแค่นี้ก่อนนะ เดียวมาบ่นปนเล่าให้ฟังอีกคะ
   
            จุดประสงค์บ่นครั้งนี้ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ได้อ่านและกำลังเป็นเหมือนกัน เพื่อระบายความรู้สึกนึกคิด และที่เราได้ประสบมาอาการที่เราเป็นอยู่อาจจะน้อยนิดกว่าสำหรับใครอีกหลายคน มีคนบนโลกนี้อีกมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคร้ายๆ ข้อเตือนใจก็คือ อย่าซื้อยากินเองไปหาหมอก่อน และเวลาเป็นอะไรอย่าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน จะเลือกแบบไหนให้ตัวเอง แต่เราพอเข้าใจหัวอกคนที่ไม่ค่อยไปหาหมอ อย่างตาสีตาสา เพราะอาจเจอประสบการณ์แย่จากการบริการก็เป็นได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานมาประมาณหกปี (สบายเหลือเกินเราอยู่เกาะ) ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำอะไรกับใครเขาไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น